ปฏิทินจีน
Chinese Calendar
ปฏิทินจีนคืออะไร ปฏิทินจีนคือปฏิทินของชาวจีนที่น่าจะเป็นปฏิทินเดียวในโลกที่มีการใส่รายละเอียดต่างๆเข้าไปมากมาย ปฏิทินจีนเข้ามามีอิทธิพลต่อสังคมไทยมานาน นานจนไม่ค่อยมีคนรู้หลักการที่ถูกต้องว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร และส่วนไหนที่ใช้ไม่ได้ ส่วนไหนยังสามารถใช้ได้อยู่ บทความนี้เขียนและเรียบเรียงขึ้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องสำหรับผู้ที่เข้ามาอ่านข้อมูล และผู้ที่ต้องการหาฤกษ์คลอดบุตร หาวันคลอดลูก หาวันผ่าคลอด จะได้สบายใจและมีความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องของปฏิทินจีน
ในช่วงแรกของบทความนี้ผมขออธิบายสุปสั้นๆก่อนว่าในการหาฤกษ์คลอดบุตร หาวันคลอดลูก หาวันผ่าคลอด หรือแม้แต่การจัดฮวงจุ้ย การหาฤกษ์อื่นๆ ไม่ได้ใช้ปฏิทินจีนเลย ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวันธงชัย แม้ในการศึกษาท่านอาจารย์จะสอนหลักการอ่านปฏิทินจีน แต่ก็เพื่อจะได้เข้าใจและรู้ว่ามีสิ่งใดที่ใช้ได้ และใช้ไม่ได้บ้าง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการที่คนส่วนใหญ่เลือกวันดีเพียงเพราะเป็นวันที่มีตัวหนังสือสีแดงเท่านั้น คำทำนายต่างๆที่ให้ไว้ก็เป็นเพียงหยาบๆ แถมยังผิดเสียอีก ผมนำบทความด้านล่างนี้มาจาก manageronline อธิบายไว้ได้ดี แต่ก็ไม่ถูกทั้งหมด ผมจะเพิ่มคอมเมนต์ด้วยอักษรสีแดงกำกับไว้ลองตามอ่านกันเลยครับ
ช่องที่ 1 : เดือนและปี พ.ศ. ตามแบบปฏิทินไทย และ ค.ศ.ตามแบบสากล
ช่องที่ 2 :วัน เดือน ปี ข้างขึ้น ข้างแรม ตามจันทรคติของไทย
ช่องที่ 3 :วันที่ตามแบบสากล
ช่องที่ 4 :เดือนและวันที่เขียนเป็นภาษาจีน นับตามแบบสากล
ช่องที่ 5 :วันที่ตามปฏิทินสากลแต่เขียนเป็นทั้งภาษาไทย จีนและอังกฤษ
ช่องที่ 6 :วัน เวลา ของการครบรอบการเปลี่ยนแปลงวันสารทของคนจีน ซึ่งใน 1 ปี จะมี 24 สารท โดยใน 1 เดือนจะมี 2 สารท คือ สารทเล็กและสารทใหญ่ (ตรงจุดนี้จะมีข้อผิดพลาดแน่นอนครับ ได้รับการตรวจสอบยืนยันจากซินแซชื่อดังหลายท่านเรียบร้อย )
ช่องที่ 7 :วันที่ตามจันทรคติของจีน
ช่องที่ 8 :ปีและเดือน ตามจันทรคติของประเทศจีน ซึ่งจะดูตามโหราศาสตร์จีนโบราณ โดยใช้สัญลักษณ์ของราศีบนกับราศีล่างทั้ง 24 ราศี แทนการเขียนเดือนลงบนปฏิทิน (แท้จริงแล้วจะเป็น 10ราศีบน 12ราศีล่าง)
ช่องที่ 9 :การดูฮวงจุ้ยและทิศที่เหมาะในการสร้างบ้าน
ช่องที่ 10 :ทิศที่ดีประจำวันและกิจกรรมที่ไม่เหมาะที่จะทำในวันนั้น เช่น วันที่ 26 ม.ค. ไม่ควรไปจับปลาหรือไปล่าสัตว์ ไม่ควรหมักเหล้า เป็นต้น (ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนอ่านออก ไม่ค่อยได้ใช้กัน และแน่นอนว่าซินแซส่วนใหญ่ไม่ใช้เช่นกัน)
ช่องที่ 11 :ครึ่งข้างบนจะเป็นการบอกดวงดาวประจำวันนั้นๆ เพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับการหาฤกษ์มงคล ส่วนครึ่งข้างล่างจะเป็นการแนะนำว่าวันนี้เหมาะที่จะทำกิจกรรมใดบ้าง (ตามศาลเจ้า โรงเจ มักใช้แต่ซินแซฮวงจุ้ยไม่ใช้ครับ)
ช่องที่ 12 :ในปฏิทินจะบอกถึงปีนักษัตรที่ชงกันในวันนั้น เช่น ในวันที่ 26 ม.ค. คนที่เกิดในปีมะแม ไม่ควรทำกิจกรรมหรือการค้าใดๆ กับ คนที่เกิดปีฉลู เพราะจะทำให้กิจกรรมที่ทำร่วมกันนั้นมีอุปสรรคและไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร (ผิดอีกเช่นกัน การชงมิได้มีแต่หลักปี สามารถเกิดการชงกันได้ทุกหลัก แต่ละหลักส่งผลต่างกันไป หลักการสำคัญในการดูว่าวันนั้นๆเป็นดีกับแต่ละคนไหม ให้เริ่มดูที่หลักวัน แต่ต้องดูที่ราศีบนที่จะเป็นตัวกำหนดว่าวันนั้นเป็นวันธาตุอะไร และองค์ประกอบปี เดือน ยาม จะบอกว่ามีคุณภาพแค่ไหน เป็นวันธาตุแข็งแรงพอไหม ส่วนราศีล่างนอกจากดูการชงแล้ว ยังมีปฏิกิริยาแบบอื่นที่ต้องพิจารณาด้วยอย่างเช่น ภาคี ไตรภาคี ไตรทิศ ซำเฮ้ง เฮ้ง)
ช่องที่ 13 :กำหนดวันที่ดีกับวันที่ไม่ดี เพื่อนำไปหาฤกษ์ในวันที่จะทำพิธีมงคล (ตรงนี้คือจุดสำคัญยังนำไปใช้ได้ การผูกดวงก็ใช้ตรงจุดนี้ มีความถูกต้องสูงเพราะเป็นการเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ ไม่ได้เกี่ยวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ไม่มีความคลาดเคลื่อนเหมือนจุดอื่น แต่การนำไปใช้ยังคงมีข้อผิดพลาดเฉพาะตัวซินแซแต่ละคนอยู่มาก หลายคนรู้แค่หลักการที่บอกในปฏิทินว่าอ่านยังไงแต่ไม่ได้เรียนรู้วิธีการพิจารณานำไปใช้จริง)
ช่องที่ 14 :ลักษณะวัน ที่มีคำทำนายภาษาไทยอธิบายรายละเอียดอยู่ ซึ่งสามารถสังเกตได้ง่ายๆ ว่าหากวันไหนเป็นวันธงไชย วันกาลกินี และวันอุบาทว์ ในปฏิทินจะมีการเขียนคำทำนายเป็นตัวอักษรเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งลักษณะวันที่ปรากฏในส่วนนี้จะเปลี่ยนไปทุกวัน ทุกปี และจะวนกลับมาตรงกันอีกครั้งในทุก 180 ปี ซึ่งนับตามจันทรคติของจีน (คำอธิบายนี้ใช้ไม่ได้ จะมีเพียง60แบบ เพราะทำนายจากหลักวันเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงหลัก ปี เดือน และยาม คนหนึ่งคนต้องพิจารณาทั้งสี่หลักแปดตัวอักษร และสภาพแวดล้อมด้วย มนุษย์จึงมีความแตกต่างกันมาก วิชาดวงจีนจึงละเอียดมากที่สุด และที่กล่าวว่า 180 ปีจะวนมาก็ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือเพียงแค่ 60 ปี ก็จะวนกลับมาเหมือนเดิมทั้งแปดตัวอักษรในการผูกดวง ซึ่งการที่คนจีนนิยมจัดแซยิดครบ 60 ปี ก็เพราะเชื่อว่าคนนั้นได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านวัฏจักรของธาตุมาครบแล้ว ต่อไปก็จะเริ่มวนซ้ำเดิม)
อย่างไรก็ดีสำหรับการนับวันตามแบบปฏิทินไทย จีนนั้น จะมี 2 เดือน คือเดือนเล็กมี 29 วัน เดือนใหญ่มี 30 วัน ซึ่งทุกต้นเดือนของทั้งเดือนเล็กและเดือนใหญ่จะถือเป็นวันพระจีนหรือที่เรียกว่า “ชิวอิก (初一)”
จากคำกล่าวของ Master Mas ที่คนไทยรู้จักในชื่อซินแซไฮเทค
“Auspicious Date in Chinese Calendar is not always Auspicious…!!!
In the auspicious date, somebody may get bad luck, get accident or lost money.
Also for the in-auspicious date, someone may have good luck or make big money.
The real auspicious date must consider the matching to house and person's birth date.
We call “Complete Set of Theories for Feng Shui Systems”.
“ฤกษ์วันธงชัยไม่ได้ดีเสมอนะครับ…
วันเหล่านี้ก็มีคนโชคร้าย ถูกจี้ปล้น เจออุบัติเหตุ
วันอุบาติ ก็มีคนถูกหวย หรือเล่นหุ่นได้เงิน
การดูฤกษ์ที่ถูกต้องก็คือ ต้องหาวันที่ถูกกับทิศทางของบ้าน และเข้ากับดวงของคน
อยากจะแนะนำว่า ใครจะขึ้นบ้านใหม่ ให้เชิญผู้เชี่ยวชาญไปดูให้ดีกว่า
เพราะไม่ใช่แค่หาฤกษ์อย่างเดียว ทุกอย่างจะดีหมด
แต่จะต้องดูฮวงจุ้ยด้วยว่าชัยภูมิภายนอกและภายใน มีปัจจัยไหนที่จะส่งผลร้านในระยะยาวบ้าง
จะได้แก้ไข ปรับปรุงไปเลยทีเดียว ซินแสที่เก่ง ไม่ต้องทุบ รื้อ
และไม่ต้องแนะนำให้ติดยันต์ ตั้งเจ้าที่ เสือคาบดาบ หรือวัตถุมงคลใดๆ
แต่สามารถใช้สิ่งที่มีอยู่แล้ว เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง พัดลม โคมไฟ น้ำพุ ต้นไม้
วางให้ถูกที่ ถูกตำแหน่ง หันโต๊ะทำงาน หัวเตียง ให้ถูกกับดวง เลือกสีให้เหมาะสม
แล้วก็หาฤกษ์ที่เหมาะสมมาเป็นกุญแจจุดกระตุ้นพลังแห่งความเป็นมงคลมาเปิดฟ้าให้คนในบ้านได้รับพลังสูงสุด…
จัดฮวงจุ้ยที่ถูกต้อง บ้านต้องดูสวย โมเดิร์น โปร่งสบาย ลมพัดไหลเวียนดี เย็นสบายทั้งบ้าน”
เพื่อยืนยันความผิดพลาดของปฏิทินจีนที่ชาวไทย90%นิยมใช้กันแม้ไม่รู้หลักการและความหมาย
ขอนุญาติคัดลอกบทความข่าวที่สรุปนี้มาจาก kapook.com
“อาจารย์ธนากร ตันอาวัชนการ ซินแสชื่อดัง ชี้ ปฏิทินจีนที่ใช้ในประเทศไทยคำนวณผิดพลาด โดยสลับจำนวนวันในเดือน 4 และ เดือน 5 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อฤกษ์มงคลที่เปลี่ยนจากดีไปเป็นร้าย
จากกรณีที่มีข่าวว่า ปฏิทินจีนปี 2556 ที่ใช้กันในประเทศไทย อาจมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากมีการสลับวันในเดือน 4 และเดือน 5 ของจีน ดังนั้นเมื่อวานนี้ (19 มีนาคม) อาจารย์ธนากร ตันอาวัชนการ ซินแสฮวงจุ้ยนักคำนวณชื่อดัง จึงได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งจากพระจีนตามวัดต่าง ๆ ถึงข้อสงสัยว่า ปฏิทินจีนที่ใช้ในประเทศไทยและทั่วโลกในปี 2556 อาจจะคลาดเคลื่อน ซึ่งปฏิทินที่มีปัญหา คือ ปฏิทินที่วัดจีนส่วนใหญ่ในประเทศไทยใช้กัน
โดยจำนวนวันของปฏิทินจีนส่วนใหญ่ระบุจำนวนวันว่า เดือนที่ 4 มี 29 วัน ส่วนเดือนที่ 5 มี 30 วัน แต่ซินแสและผู้เชี่ยวชาญเรื่องดวงจะยึดปฏิทินของอาจารย์ ชัยเมษฐ์ เชี่ยวเวชกัน ซึ่งปฏิทินนี้ระบุว่า เดือนที่ 4 มี 30 วัน และเดือนที่ 5 มี 29 วัน เท่ากับว่า ถ้าซินแสหรือหมอดูให้ฤกษ์ระหว่างนี้ไปผิดทั้งหมด ก็อาจส่งผลกระทบมหาศาลต่อฤกษ์ยามเดือน 4 ต่อเดือน 5 ในทางจีน นั่นคือ ระหว่างวันที่ 8 มิถุนายน จนถึงวันที่ 8 กรกฎาคม ของสากล ซึ่งเชื่อว่าการเคลื่อนดังกล่าว มาจาก 2 เหตุผล คือ
1. ปฏิทินนี้วางวันสลับกันหรือคัดลอกมาผิด
2. การคำนวณคิดเศษส่วนของวันในทางจีนของปฏิทินนี้ผิดพลาด
ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่และต้องเร่งแก้ไขโดยดูว่าเกิดจากเป็นประเด็นใดกันแน่
ด้าน พระอธิการเย็นจุง เจ้าอาวาส วัดจีนประชาสโมสร จ.ฉะเชิงเทรา บอกว่า หากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง จะกระทบกับศาสนพิธีต่าง ๆ ของวัดจีน พร้อมแสดงความเป็นห่วงผู้รู้ที่ให้ฤกษ์ต่าง ๆ ว่า อาจจะเสี่ยงทำให้ชีวิตคนเสียหายโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งนี้ ได้เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ เมื่อมีญาติโยมมาให้ช่วยดูฤกษ์เนื่องจากเดือน 4 และ 5 เป็นเดือนที่ให้ฤกษ์แต่งงานดี ปรากฏว่าพอดูปฏิทินที่มีในวัด เมื่อเทียบกับปฏิทินอื่น ๆ รู้สึกว่าแปลก ๆ จึงสอบถามไปยังผู้มีความรู้มากมาย โดยเฉพาะ อาจารย์ธนากร ปรากฏว่า พบความคลาดเคลื่อนของปฏิทินที่มีอยู่
พระอธิการเย็นจุง กล่าวอีกว่า อยากให้ผู้ที่มีความรู้ออกมาชี้ชัดว่า ควรยึดวันของปฏิทินใดเป็นหลัก เนื่องจากตนก็ไม่อยากมีตราบาปในการให้ฤกษ์ผิด ๆ แก่ญาติโยม จนทำให้ชีวิตคนผิดพลาด ที่ผ่านมาปฏิทินเคยผิดเพี้ยนมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ผิดแบบมโหฬาร ผิดเป็นวัน เดือนมิถุนายนก็ผิดทั้งเดือน จึงอยากให้ผู้รู้ออกมาให้ความรู้ว่า เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร”
บทสรุป
ฤกษ์ยามมีความสำคัญไหม
สำคัญแน่นอนครับและสามารถพิสูจน์ง่ายๆคือการทำนายนิสัย อดีต อนาคต จากวันเกิด จากฤกษ์คลอด วันคลอด ซึ่งการเชื่อว่าเพียงแค่การประจุพลังเข้าไปครั้งแรกยังส่งผลขนาดนี้ แล้วบรรยากาศในบ้านที่คุณต้องรับพลังเข้าไปทุกวันล่ะและเวลาในแต่ละวันมีเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ มีการเปลี่ยนสภาพพลังงานแวดล้อมเสมอ ย่อมทำให้ควรค่าแก่การใส่ใจในฤกษ์ยามแต่ละวัน แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเช็คทุกวัน เพียงแค่คุณจัดสิ่งแวดล้อมในบริเวณที่คุณควบคุมได้เช่น บ้าน ที่ทำงาน ให้มีความเหมาะสมกับคุณเอง แล้วปล่อยให้สมองคุณทำงานให้เต็มที่ ให้จิตใต้สำนึกทำงานได้อย่างถูกต้อง เมื่อถึงวันสำคัญที่ต้องเลือก ต้องตัดสินใจ เช่น การหาฤกษ์คลอดบุตร หาวันคลอดลูก ค่อยเลือกฤกษ์ยามที่ดี และในการซ่อมแซมบ้าน การเคาะ ตอก เจาะ หรือการเคลื่อนย้ายสิ่งของต่างๆ ก็ควรตรวจดูเพื่อความปลอดภัยด้วยเช่นกัน