หยุดทำร้ายลูกด้วยนมวัว
บทความนี้ได้นำมาจาก Fanpage ของคุณป้าหมอสุธีรา ซึ่งเป็นคุณหมอที่แนะนำเรื่องนมแม่โดยเฉพาะ ลองติดตามอ่านกันได้เลยครับ แล้วคุณจะรู้ว่านมวัวอันตรายกว่าที่ทุกคนคิดมากนัก แต่เนื่องจากมูลค่าของอุตสหกรรมนมนั้นมีมูลค่าสูงมาก ข้อมูลที่ออกมาจึงมีแต่ด้านบวกเท่านั้น
ป้าหมอ : ใครที่กำลังกินนมวัว ผลิตภัณฑ์นมวัวอยู่ แล้วเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ป่วยบ่อย อ่านบทความนี้แล้ว ก็ผ่านเลยไปได้เลยนะคะ ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้าใคร หรือ ลูกหลานใครที่มีปัญหาป่วยบ่อย เป็นโรคภูมิแพ้ หากกินนมวัว ผลิตภัณฑ์นมวัวอยู่ ก็ลองหยุดกินดูนะคะ
แต่ถ้าลูกยังเล็กอยู๋ ยังไม่ได้เข้าโรงเรียน จึงยังไม่เห็นว่ามีปัญหาป่วยบ่อยไหม ก็กินต่อไปก่อน หากเข้าโรงเรียนแล้วเริ่มมีปัญหาป่วยบ่อย ก็อย่าลืมนึกถึงบทความนี้ แล้วนลองหยุดกินดูนะคะ
สำหรับคำถามที่ว่า หากไม่ให้กินนมวัว แต่ไม่มีนมแม่ จะให้กินนมอะไร ป้าหมอ แนะนำนมผงถั่วสำหรับเด็กเล็กกว่าหนึ่งขวบ แต่ถ้าเกินหนึ่งขวบ ให้กินข้าวเป็นอาหารหลัก ร่วมกับ นมถั่วกล่องไม่มีน้ำตาลหรือน้ำตาลน้อยแคลเซียมสูง และเน้นอาหารธรรมชาติที่มีแคลเซียมสูง เช่น งาดำ ผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งแห้ง เต้าหู้ สาหร่าย ถั่วชนิดต่างๆ
“บทความ เรื่อง เหตุผลสำคัญที่เราและลูกหลานต้องเลิกดื่มนม”
คนเรามักชอบฟังแต่เรื่องเบาๆ(เเต่ไม่จริง) ครั้นพอถึงคราวเรื่องจริงก็รู้สึกหนัก ขมขื่นที่จะยอมรับ คนเราเชื่อฝังหัวมาตลอดว่านมวัวเป็นอาหารชั้นเลิศดีต่อสุขภาพ เเต่ผมขอเรียนว่า ความเชื่อนี้เป็นจริงหากคุณเป็นลูกวัว (แต่ไม่จริงเลยหากคุณเป็นลูกคน)
Doctor Walter Willett หัวหน้าภาควิชา Nutrition at Harvard School of Public Health เคยวิจารณ์ว่าการกำหนดให้นมวัวเป็นสารอาหารจำเป็นต่อการบริโภคนั้นเป็นเรื่องน่าขบขันสิ้นดี ผลการศึกษาอย่างยาวนานของท่านพบว่านมไม่ได้ช่วยลดอัตราการเเตกหักของกระดูก ตรงกันข้ามผลการศึกษาของกลุ่มพยาบาลจำนวนมากมายที่พบว่านมเเละผลิตภัณฑ์นมกลับทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงกระดูกเเตกหักมากขึ้น 50% การทานนมเเละผลิตภัณฑ์นมให้น้อยหรือไม่ทานเลยกลับพบว่ามีกระดูกที่แข็งแรงกว่า ดังเช่นประเทศในเอเซีย อาฟริกาที่บริโภคนมเเละเเคลเซี่ยมน้อยมากนั้นมีอัตราผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนตำ่ที่สุด
มีการศึกษามากมายที่บ่งชี้ว่าการเสริมอาหารด้วยแคลเซี่ยมไม่มีผลช่วยลดอัตราเสี่ยงกระดูกเเตกหักเเต่อย่างใด แต่กลับพบว่าวิตามิน D ต่างหากที่มีผลป้องกันกระดูกโดยตรง นอกจากนี้แคลเซี่ยมยังอาจเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อภาวะมะเร็งมากขึ้น มีรายงานการศึกษาว่าการทานอาหารจากผลิตภัณฑ์นมเเละแคลเซี่ยมทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงต่อมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชายกว่า 30%-50% นอกจากนี้การทานนมและอาหารจากผลิตภัณฑ์นมยังเพิ่มสารคล้ายฮอร์โมน (Insulin-like growth factor 1) ซึ่งเป็นตัวส่งเสริมให้เกิดมะเร็งได้มากขึ้น
อันที่จริงเเล้วอาหารเสริมด้วยเเร่แคลเซี่ยมนั้นมีประโยชน์ต่อการป้องกันมะเร็งลำไส้ เเต่ไม่ได้หมายถึงแคลเซี่ยมที่ปนมาในนมเเละผลิตภัณฑ์จากนม ยังมีผลข้างเคียงอีกประการที่พบได้บ่อยมากคือ ประมาณ75% ของประชากรโลกไม่มีน้ำย่อยที่สามารถย่อยนมวัวได้อย่างสมบรูณ์ โดยเฉพาะไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโต้สในนม (lactose intolerance)ได้ก่อให้เกิดปัญหาภายในกระเพาะอาหารเเละลำไส้ ภูมิเเพ้
Doctor Walter Willett จึงสรุปข้อแนะนำว่า
– ร่างกายต้องการแคลเซี่ยมก็จริง เเต่ไม่ได้มากมายอย่างที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ทานตั้ง 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน
– แคลเซี่ยมอาจไม่สามารถป้องกันกระดูกเปราะเเตกดังที่เชื่อๆกันมา
– ผู้ชายอาจไม่จำเป็นต้องเสริมอาหารด้วยแคลเซี่ยมและวิตามิน D แต่จำเป็นสำหรับผู้หญิงเท่านั้น
– นมอาจทำให้มีผลเสียต่อสุขภาพได้
ล่าสุดนักวิจัยของ USDA ได้ค้นหาความจริงเพิ่มเติมหลังได้รับการร้องเรียนเกี่ยวกับโฆษณาของนม ได้ออกมาสรุปว่า
1) นมไม่ได้มีคุณค่าต่อสมรรถนะของนักกีฬาเเต่อย่างใด
2) ไม่มีหลักฐานหนักเเน่นใดๆที่จะสนับสนุนได้ว่านมทำให้กระดูกเเข็งเเรงป้องกันกระดูกพรุน ตรงกันข้ามโปรตีนนมจากสัตว์อาจทำให้สูญเสียมวลกระดูก
3) พบความเชื่อมโยงระหว่างการบริโภคนมและมะเร็งต่อมลูกหมาก
4) ไขมันนมเต็มไปด้วยไขมันอิ่มตัว
5) กว่า75%ของประชากร ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลนมได้เกิดอาการ lactose intolerance
6) นมเเละผลิตภัณฑ์นมทำให้ลำไส้มีกลุ่มอาการแปรปรวน( irritable bowel syndrome) นอกจากนี้ยังมีส่วนให้เกิดอาการภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบเรื้อรัง หูอักเสบ เบาหวานชนิดที่ 1 (type I diabetes) ท้องผูกเรื้อรัง โลหิตจางในเด็ก
กล่าวโดยย่อ ธาตุอาหารในนมจัดเป็นสารอาหารแปลกปลอมสำหรับเซลล์ร่างกายของมนุษย์
ปัจจุบันนี้นักวิทยาศาสตร์การเเพทย์เเละโภชนาการล้วนเชื่อกันแล้วว่าคนเราควรสรรหาแร่แคลเซี่ยม โปตัสเซี่ยม ไขมัน โปรตีน จากพืชผัก ผลไม้ ถั่ว ธัญญพืช สาหร่าย งา เนื้อปลา ไม่ควรหวังพึ่งจากนมและผลิตภัณฑ์นมอีกต่อไป และที่แน่นอนที่สุดก็คือหากต้องการกระดูกที่แข็งแรง อย่าให้ขาดวิตามิน D ไม่ใช่นมอย่างที่เคยเชื่อกันมา !!!!
เขียนเเละเผยแพร่โดย Dr. Mark Hyman แพทย์อเมริกันผู้เชี่ยวชาญสาขา Functional Medicine
เเปลเรียบเรียงโดย Wellness 2012
ถ้ายังไม่พอลองไปอ่านบทความนี้ต่อไปครับ มนุษย์ไม่ควรดื่มนมวัว