“พี่ ๆ พี่รู้ไหมครับว่าเครื่องบินมีกี่ชนิด” เด็กชายตัวน้อยตั้งคำถามกับเราชนิด ไม่ทันตั้งตัว และยังไม่ทันได้ตอบ เขาก็อธิบายคำตอบนั้นเอง จนเราทึ่งใน ความสามารถและความช่างพูดคุยของเขา และยิ่งทึ่งขึ้นไปอีกเมื่อทราบว่า เด็กน้อยคนนี้มีผู้ชมในโลกออนไลน์คลิกเข้า มาชมฝมือการเดี่ยวไวโอลิน ของเขามากกว่า 3.8 ล้านครั้ง นอกจากนี้ ผลงานทางศิลปะขอ งเขาก็มีนัก สะสมทั่วโลกซื้อไปสะสมมากกว่า 1 พันภาพ จนได้รับฉายา “ปิกัสโซ่น้อย” ซึ่งวันนี้ทีม “วิถีชีวิต” จะพาไปรู้จักกับ “อัจฉริยะตัวจิ๋ว-ด.ช.ธนัช เปลวเทียน ยิ่งทวี”
เรื่องราวชีวิตของ “ด.ช.ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี” คนนี้ ผู้เปนคุณพ่อ-คุณแม่ คือ “ธนู-วัชราภรณ์ เปลวเทียนยิ่งทวี” บอกเราว่า น้องธนัชเกิดวันที่ 9 ก.ย. 2545 ปจจุบันอายุ 6 ขวบ ย่าง 7 ขวบ ความน่าทึ่งของธนัชนั้นมีมาตั้งแต่ วันที่เกิดเลยทีเดียว วัชราภรณ์ผู้เปนแม่เล่าว่าตนกับสามีแต่งงานกันตอนอายุ เยอะแล้ว ตอนนั้นสามีอายุ 46 ป ส่วนตนเองอายุ 35 ป และตั้งท้องตอนอ ายุ 40 ป
ก่อนรู้ตัวว่าตั้งท้องขณะนั้นเธอมีภารกิจพาทีมงานต่างประเทศหาข้อมูลเพื่อ โปรโมตประเทศไทย ต้องเดินทางไปในที่ต่าง ๆ เรื่องแปลกคือมักจะเจอแต่ รูปบูชา “เจ้าแม่กวนอิม” ตลอด แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร ภายหลังเสร็จงานรู้สึก ปวดท้อง ใจก็คิดว่าเปนโรคกระเพาะจึงนัดกับหมอ แต่สามีเอ่ยแซวว่าอาจ ต้องเปลี่ยนไปหาหมอตำแยแทน และไปซื้อที่ทดสอบการตั้งครรภ์มาให้ เช็ก ก็ปรากฏว่าท้องจริง และเรื่องที่แปลกอีกเรื่องคือช่วงก่อนคลอดจะสวด มนต์ขอพรเจ้าแม่กวนอิมตลอด ขอให้ได้วันดี ขอให้คลอดออกง่าย ๆ
“คืนวันที่ 8 ก.ย. ผมก็ขอพรตามปกติ ประมาณตี 2 ของวันใหม่ภรรยาบอก ว่าเจ็บท้อง ก็รีบไปโรงพยาบาล พอไปถึงปรากฏว่ามีคนมารอผ่าคลอดเต็ม ไปหมด ถึงรู้ว่าเปนวันดีที่สุด คือตรงกับวันที่ 9 เดือน 9 ซึ่งก็แปลก” คุณพ่อ น้องธนัชกล่าว ส่วน “แววอัจฉริยะ” เรื่องแรกที่ปรากฏออกมาคือ “พรสวรรค์ ทางดนตรี” โดยผู้เปนแม่เล่าว่าเริ่มเห็นตอนน้องเขาอายุ 1 ขวบ 10 เดือน ขณะกำลังฟงเพลงอยู่ในรถ โดยน้องธนัชบอกว่าเปนเพลงที่เหมือนกับอีก เพลงหนึ่งที่เคยเปดให้ฟง จุดสำคัญอยู่ที่ว่า 2 เพลงนั้นเปนคนละภาษา
“เราจะเปิดเพลงสำหรับเด็กให้เขาฟงเวลานั่งในรถ ก็จะสลับไปเรื่อย ๆ ภาษา ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส วันหนึ่งเขาก็ทักว่าคุณแม่เพลงนี้เหมือนเพลงเอโร แวดเลย ก็แปลกใจ เพราะเพลงที่เปดเปนภาษาอังกฤษ แต่เปนเพลงเดีย วกับที่เคยเปดที่เปนภาษาฝรั่งเศส ก็คิดว่าถ้า เด็กอายุขวบกว่าบอกได้ว่า 2 เพลงเหมือนกัน ทั้งที่ผู้ใหญ่ไม่คิดด้วยซ้ำ ลูก เราน่าจะมีหูทางดนตรี เลยเริ่มเทสต์โดยลองใส่เพลงอื่นให้ฟง เขาก็บอกได้ อีก เลยเปนจุดเริ่มต้นที่เริ่มเห็นความพิเศษในตัวลูก จากนั้นเขาก็อยากเรียน ดนตรี ซึ่งไวโอลินเปนเครื่องดนตรีที่เขาเลือกเอง”
ฝีมือการเล่นไวโอลิน ก็ทำให้ผู้ใหญ่ทึ่งกันมาก ซึ่งน้องธนัชเคยแสดงเดี่ยว ต่อหน้าผู้ชมหลายครั้ง รวมถึงเคยแสดงที่หอประชุมศูนย์วัฒนธรรมแห่งประ เทศไทย และที่สำคัญวิดีโอคลิปการเล่นไวโอลินของเขาที่อยู่ในเว็บไซต์ www.squidoo.com/dhanat ก็ยังมีผู้คนทั่วโลกเปดเข้าดูมากกว่า 3.8 ล้านครั้งอีกด้วย
“ผมก็ตื่นเต้นมาก ๆ ครับ แต่ก็พยายามคิดว่าต้องเล่นให้ดีที่สุด เล่นให้เต็มที่ ความกลัวก็จะหายไปเอง คุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าต้องตั้งสมาธิ อย่ากลัว ทำให้เต็มที่” น้องธนัชกล่าว และนอกจากพรสวรรค์ในเรื่องดนตรี ฝมือทาง ศิลปะก็เปนอีกเรื่องที่น่าทึ่ง จนถูกเรียกขานกันว่าเปน “ปกัสโซ่น้อย” เพราะ มีทั้งผลงานโชว์เดี่ยวตอนอายุ 3 ขวบครึ่ง อีกทั้งยังมีนักสะสมทั่วโลกคอยต ิดตามซื้อผลงานตลอด
เรื่องนี้คุณแม่ของธนัชบอกว่า “มันเกิดจากการที่เราเลือกสีน้ำเปนของเล่น ให้ลูก ซึ่งโดยทั่วไปพ่อแม่ก็จะให้ เริ่มจากสีไม้ สีเมจิก แต่เราให้สีน้ำกับลูก เล่นเพราะรู้สึกว่าธนัชสนใจมากกว่า เนื่องจากสีน้ำจะไม่อยู่นิ่ง เวลาลงน้ำไป สีจะไหล เขาก็จะสนุกตื่นเต้นมาก ตอนนั้นก็ให้ระบายละเลงไปตามเรื่อง จน ตอนเขาอายุ 3 ขวบก็ได้ไปเที่ยวที่ยุโรป ก็พาเขาไปร้านของปกัสโซ่ เขาก็ เลือกสีที่ชอบ บอกให้เราซื้อ พอกลับมาเขาก็รบเร้าจะเอาสีมาเล่น พอได้ อุปกรณ์ดี สีดี กระดาษดี งานมันออกมาสวยมาก ให้คนที่เขาดูเป็นเขาก็บอ กว่าสวยมาก และด้วยความที่คุณพ่อเปนนักการตลาดก็เห็นความเปนไปได้ ในการนำผลงานออก จำหน่าย จึงลองนำภาพไปให้เพื่อนที่เปนจิตรกรชาว แคนาดาดู ปรากฏว่าเขาชอบและขอซื้อภาพ จึงเปนจุดเริ่มต้น”
ส่วนผู้เปนพ่อเสริมว่า “ภาพแรกของธนัชขายให้เพื่อนในราคา 1 ดอลลาร์ หลังจากนั้นก็ส่งภาพไปตามอีเมลคนรู้จัก ปรากฏว่ามีออร์เดอร์เปนพันชิ้น จน ต้องหยุดรับ เกรงจะทำไม่ทัน จากนั้นป พ.ศ. 2549 เขาก็มีผลงานเดี่ยวจัด แสดง ซึ่งนิทรรศการครั้งนั้นถือว่าเขาเปนจิตรกรอายุน้อยที่สุดในโลก”
นอกจาก 2 พรสวรรค์ที่ว่ามาแล้ว น้องธนัชยังพูด “ภาษาอังกฤษ” ได้ คล่องแคล่ว โดยเรื่องนี้คุณพ่อของน้องธนัชบอกว่ามีเคล็ดไม่ลับที่ใครก็ใช้ไ ด้ เขาบอกว่าที่บ้านจะพูดคุยกัน 2 ภาษา คือไทยสลับอังกฤษ โดยจะพูด ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน แต่จะไม่เน้นเรื่องหลักไวยากรณ์หรือการ ท่องจำ จะเน้นวิธีพัฒนาแบบ “เลิร์นนิ่งบายเพลย์อิ้ง” ทำให้เปนเหมือนการ เล่นกับเขามากกว่า
“ธนัชสามารถตอบโต้กับคนต่างชาติได้อย่างดี มีครั้งหนึ่งเขาต้องไปทดสอบ ความสามารถพิเศษ ตอนนั้นผมกับแม่เขาต้องตอบคำถามผู้เชี่ยวชาญคนไ ทย ส่วนธนัชถูกส่งไปตอบคำถามผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กจากสหรัฐอเมริกา เรา ก็เปนห่วงมาก แต่ปรากฏว่าเขาสนุกสนานกับการสนทนามาก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ คนนั้นบอกว่าสอนอย่างไร ทำไมถึงมีสำเนียงใกล้เคียงกับคนอังกฤษมาก เราก็ยิ้มดีใจ” คุณพ่อน้องธนัชบอก พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ธนัชจะเปนเด ็กที่มีความสามารถพิเศษจนหลายคนบอกว่าเลื่อนชั้นไปเรียน ระดับสูงขึ้นกว่ าปกติได้ทันที แต่ก็ไม่อยากฝนธรรมชาติ อยากให้ลูกมีสังคมมากกว่า ไม่ อยากให้ทิ้งวัยเด็กที่มีความสุข จึงปฏิเสธไป
ก่อนจากกันวันนั้นทีม “วิถีชีวิต” เราถาม ความฝนของน้องธนัช หนูน้อยบอก เสียงใสซื่อว่า “ผมยังไม่ทราบครับ เพราะผมยังเด็กอยู่” ขณะที่ทางคุณพ่อก็ เสริมว่าตอนนี้คงยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะความฝนของธนัชเปลี่ยนได้ทุกวัน บางวันฝนอยากเป็นสถาปนิก บางวันก็อาจจะฝนเปนนักบินอวกาศ “หน้าที่เราตอนนี้คือพัฒนา เสริมให้เขาในสิ่งที่เขาสนใจ เราย้ำว่าอัจฉริยะ สร้างไม่ได้ เพราะถ้าสร้างจะเปนการฝน เมื่อฝน ลูกก็จะไม่มีความสุข เรา เสริมเขาดีกว่า จะได้สุขทั้งเรา สุขทั้งเขา”.
‘วัคซีนชีวิต’ เคล็ดไม่ลับ
ธนู-วัชราภรณ์ พูดถึง “เคล็ดไม่ลับ” ของครอบครัวในการเลี้ยงดูลูก คือ “ด.ช.ธนัช เปลวเทียนยิ่งทวี” ว่า ช่วงระหว่างค้นหาแนวทางในการพัฒนา ศักยภาพของลูกนั้นมีโอกาสได้อ่านเจอทฤษฎี “เลิร์นนิ่งเคิร์ฟ” ของนัก เศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล ชื่อ เจมส์ เจ. เฮคแมน ซึ่งเขาบอกว่าเด็ก แรกเกิดมาจะมีความสามารถในการรับรู้และเรียนรู้ได้สูงสุด เพื่อเอาชีวิตรอด จากนั้นความสามารถจะค่อย ๆ ตกลงทุกวัน และเข้าสู่กฎแห่งการลดน้อย ถอยลง จนถึงอายุ 12-14 ป แล้วจะอยู่คงที่ ดังนั้นถ้าเราสอน ลูกตอนอายุ 11-12 ขวบ จึงต้องใช้ความพยายาม มหาศาล เพราะเลิร์นนิ่งเคิร์ฟเกือบ ต่ำสุดแล้ว แต่ถ้าเราฝกสมาธิเด็กได้ในช่วง 3-5 ขวบ ก็จะเปนเรื่องท ี่ดีมาก ยิ่งถ้าหากรักษาพัฒนาการไว้ได้จนถึง 10 ขวบ เด็กคนนั้นมีโอก าสติดอันดับ โลกทันที
“นี่คือจุดที่พ่อแม่คนไทยยังไม่ค่อยรู้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความสำเร็จ ของใครคนใดคนหนึ่งจะไม่ใช่จุดสูงสุด ถ้าเขาไม่มีความสุขในความสำเร็จ นั้น ดังนั้น สิ่งที่ทำต้องไม่ฝน ต้องเปนสิ่งที่เขาอยากทำด้วย ไม่ใช่การทำ เพราะตามใจพ่อแม่อย่างเดียว” คุณพ่อของน้องธนัชอธิบาย และในหนังสือ อัจฉริยะด้วยมือพ่อแม่ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวในฐานะพ่อแม่ของ “หนูน้อยอัจฉ ริยะ” ก็ได้บอกเคล็ดลับไว้อีกว่า…หลักการเลี้ยงลูกสำหรับเด็กในช่วงวัย แบบนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ทำได้ก็คือ “ฉีดวัคซีนชีวิต” สำหรับลูก ในทุกด้าน
“เราต้องฉีดวัคซีนชีวิตให้เขา ต้องสอนเขาในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งจิตใจ ทัศนคติ สังคม เพราะเราจะสอนเขาได้อีก 7-8 ปเท่านั้น พอเขาเปนวัยรุ่ น เราสอนเขาไม่ได้แล้ว ถ้ามีวัคซีนดี ๆ ในตัวมากพอ เขาก็คงผ่านวัยอลเวงนั้น ไปได้อย่างราบรื่น” เปนสิ่งที่คุณพ่อ-คุณแม่ของหนูน้อยอัจฉริยะร่วมกัน บอก.
ที่มาจาก: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และ mthai
จากบทความนี้คุณผู้อ่านคงเห็นแล้วว่ามีความจำเป็นต้องหาฤกษ์คลอดแค่ไหน การที่เด็กคนหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้มากแค่ไหน การหาฤกษ์คลอดเป็นเพียงตัวช่วยหนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีผลแค่ไหน แม้กระผมจะเชื่อและศึกษาเรื่องการหาฤกษ์คลอดมาแต่ผมเชื่อเรื่องปัจจัยแห่งความสำเร็จที่มีองค์ประกอบสามส่วนมากกว่า การหาฤกษ์คลอดเป็นเพียงส่วนหนึ่งในปัจจัยฟ้า ย้ำว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง การกระทำของตัวเอง การอบรมสั่งสอน ย่อมนำมาซึ่งผลที่คาดได้มากกว่าการคาดหวังผลเลิศจากการหาฤกษ์คลอด