ในการเลี้ยงดูลูกของคุณ คุณต้องหลีกเลี่ยง “การฝึก” ที่จะทำให้เขาเป็นสัตว์สังคม ลูกของคุณเกิดมาด้วยการเป็นผู้มีไมตรีจิต และสูงส่งมากกว่าที่คุณเองเป็นอยู่ แต่ในระยะเวลาเพียงสั้นๆ การปฏิบัติที่เข้มงวดและควบคุมเขามากเกินไปนั้น ทำให้เขาลุกขึ้นมาต่อต้าน
Create your children well สร้างเด็กจิตใจดีทำได้ แค่หยุดควบคุม
อาการต่อต้านนี้อาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเขากลายเป็นจอมวายร้ายที่อยู่ใกล้ๆตัว เขาจะเอะอะเสียงดังทำอะไรโดยไม่คิด ขาดความระมัดระวังในสิ่งของของตน ตลอดจนทำเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปทั่ว สรุปสั้นๆ ก็คิดทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้คุณต้องรำคาญใจ การฝึกหรือควบคุมเขาจะทำให้คุณสูญเสียความรักของเขาไป คุณจะสูญเสียลูกของคุณไปตลอดชีวิต หากคุณพยายามควบคุมและเป็นเจ้าของเขา
หากคุณปล่อยให้เด็กนั่งบนตักคุณ เขาจะนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างพอใจ คราวนี้ลองโอบแขนรอบตัวเขา และบังคับให้เขานั่งอยู่ตรงนั้น ลองทำเช่นนี้ดูแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีท่าทีว่าจะหนีไปไหน แต่ในทันใดนั้นเขาจะบิดตัวหนี เขาจะดิ้นให้หลุดพ้นจากคุณ เขาจะโกรธ เขาจะร้องไห้ นึกดูให้ดี เขามีความสุขก่อนหน้าที่คุณจะเริ่มโอบรัดเขาไว้
ความพยายามของคุณที่จะหล่อหลอม ฝึกและควบคุมเด็กคนนี้ มีผลต่อเขา เช่นเดียวกับการที่คุณพยายามจะกอดรัดเขาไว้บนตักของคุณ
แน่นอนว่าคุณจะพบกับความยุ่งยาก หากเด็กคนนี้ของคุณได้รับการอบรม ควบคุม ออกคำสั่งและปฏิเสธความเป็นเจ้าของในสิ่งต่างๆ ของเขาเองมาโดยตลอด แล้วอยู่ๆคุณก็เปลี่ยนวิธีการโดยพยายามให้อิสระกับเขา เขาจะสงสัยในตัวคุณอย่างมาก และพยายามปรับตัวอย่างยากลำบาก ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นไปอย่างทุกข์ทรมาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว คุณจะได้เด็กที่เป็นมิตร มีระเบียบ เข้ากับผู้คนได้ดีและคิดถึงใจคุณ และที่สำคัญอย่างมากก็คือเด็กซึ่งรักคุณ
เด็กซึ่งตกอยู่ภายใต้การบีบบังคับ ถูกเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง ถูกจัดการและควบคุม จะมีความคิดความเชื่อที่ทำให้เขากระวนกระวายใจ และเป็นกังวลอย่างมาก นั่นก็คือ พ่อแม่คือแก่นแท้ของความอยู่รอดของเขา พ่อแม่หมายถึงอาหาร เสื้อผ้า ที่พักอาศัย และความรักใคร่ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาต้องการที่อจะอยู่ใกล้ๆพ่อและแม่ โดยธรรมชาติแล้ว เด็กย่อมต้องการที่จะรักพ่อแม่และเป็นลูกของพ่อและแม่
แต่ในอีกด้านหนึ่ง พ่อแม่ก็เป็นผู้ที่ทำให้เขาไม่สามารถอยู่รอดได้ ตัวตนของเขาและชีวิตทั้งชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับสิทธิของเขาที่จะตัดสินใจด้วยตัวเอง เกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะทำ สิ่งที่เขาเป็นเจ้าของและร่างกายของเขา แต่พ่อแม่กลับพยายามพรากสิ่งนั้นไปจากเขาด้วยความคิดผิดๆที่ว่า เด็กนั้นโง่ ไม่รู้ประสีประสา และจะไม่เรียนรู้จนกว่าจะ “ถูกควบคุม” ด้วยเหตุนี้เด็กจึงต้องหลีกหนี ต่อสู้ ก่อกวนและคุกคามผู้ที่เป็นศัตรู
ความกระวนกระวายใจของเขาก็คือ “ฉันรักพ่อกับแม่เหลือเกิน และฉันก็ต้องการพวกเขาด้วย แต่พวกเขาขัดขวางความสามารถของฉัน จิตใจของฉัน ชีวิตของฉัน ฉันควรทำอย่างไรกับพวกเขาดี ฉันอยู่กับพวกเขาไม่ได้ และฉันอยู่โดยไม่มีพวกเขาก็ไม่ได้ โธ่เอ๋ย โธ่เอ๋ย!” เด็กจะนั่งคิดถึงปัญหานี้วนเวียนอยู่ในหัว ความกระวนกระวายใจเช่นนั้นจะคงอยู่กับเขาไปตลอดสิบแปดปีไม่มากก็น้อย และจะทำลายครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาไป
อิสรภาพสำหรับเด็ก หมายถึง อิสรภาพสำหรับคุณเอง การปล่อยให้เด็กดูแลสิ่งของของเขาเองนั้น ท้ายที่สุดแล้วสิ่งของเหล่านั้นก็จะคงอยู่อย่างปลอดภัยภายใต้การดูแลของเขาเอง
พ่อแม่คงต้องใช้พลังใจอย่างยิ่งยวดที่จะไม่พร่ำกำหนดทิศทางใดๆ ให้กับลูก ถึงแม้จะทนทุกข์เพียงใดที่ต้องเฝ้าดูสิ่งของต่างๆของเด็กพังย่อยยับ ถึงแม้จะเศร้าขนาดไหนที่จะไม่บงการเด็กในเรื่องเวลา และพื้นที่ของเด็กเอง
แต่คุณจำเป็นต้องทำ หากคุณต้องการเด็กที่มีจิตใจดี มีความสุข รู้จักดูแลตนเอง ฉลาด และงดงาม!
ที่มาบทความ หนังสือ เด็ก เรียบเรียงจากผลงานของ แอล รอน ฮับบาร์ด