สอนเด็กแบบไหนดี

คาถา 123 ปราบเจ้าตัวน้อย

ผมได้หนังสือหัวข้อน่าสนใจมาก คือ คาถา 123 ปราบเจ้าตัวน้อย มาสักพัก แต่อ่านไม่จบเสียที วันนี้อ่านจับใจความสำคัญๆ ได้ตั้งใจจะแบ่งปันให้คุณพ่อคุณแม่ตามนี้ครับ บอกก่อนเลยว่าแม้จะอ่านไม่จบ (เนื้อหาบางส่วนสำหรับเด็กโต พอดีลูกผมเองก็ยังเล็ก เลยข้ามๆไปก่อน) อ่านไม่จบแต่ผมลองนำมาใช้กับเจ้าลูกชายตั้งแต่อ่านบทแรกเลยด้วยซ้ำ หนังสือเขียนได้อ่านง่าย ปูพื้นฐานเหตุผล และหลักคิดที่ทำให้เราผู้เป็นพ่อแม่ เข้าใจในตัวเด็กได้มากขึ้น

คาถา 123

เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก

ผมอ่านหนังสือมาหลายเล่ม บางทฤษฎีเองก็ยกให้เด็กมีความเป็นปัจเจกบุคคลเหมือนที่ผู้ใหญ่เป็น แถมยังแนะนำให้พ่อแม่ดูแลและให้คิดว่าลูกไม่ใช่เด็กน้อย แต่เป็นผู้ใหญ่ที่ยังตัวเล็กอยู่ ในความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้แนะนำว่า ก่อนเด็กอายุสามขวบ เราควรเลี้ยงเขาเหมือนที่เราฝึกสัตว์เลี้ยง ทำไมน่ะหรือ เพราะเด็กวัยนี้ยังไม่รับรู้เรื่องเหตุผล เรื่องเงื่อนไขเวลา ซึ่งก็คล้ายกับสัตว์เลี้ยง แต่ไม่ใช่ให้เราตีหรือดุร้ายลูก วิธีที่เราจะจัดการคือ คาถา 123 นี่เอง หลังจากนั้นเมื่อเขาโตขึ้นเราจึงเลี้ยงเขาเหมือนเขาเป็นผู้ใหญ่ตัวเล็ก ที่รับรู้เรื่องเหตุผล คิดตามและมีสมาธิมากพอ 

แต่เรื่องจริงคือ พ่อแม่ส่วนใหญ่มักเลี้ยงลูกในวัยก่อนสามขวบ แบบว่าลูกคือคนๆหนึ่ง พร่ำบอกเหตุผล อธิบายเรื่องต่างๆ มากมาย เพียงเพื่อให้ลูกทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่พอถึงวัยที่ลูกพร้อมรับฟังเหตุผล ก็คิดว่าลูกโตแล้ว ควรคิดเองได้ กลับดุด่า ต่อว่าเขาแทน เรียกได้ว่า ทำสลับกับสิ่งที่ควรทำเลยก็ว่าได้

สรุปแนวคิด 3 ขั้นตอน

1. ควบคุมพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์

2. ส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่พึงประสงค์

3. สร้างความสัมพันธ์ต่อกันอย่างแน่นแฟ้น

สองข้อแรกถ้าเราทำได้ดี ข้อสามจะเกิดขึ้นเองทันที ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องทะเลาะ ไม่ต้องเหนื่อยกับการควบคุมลูก ลูกเองก็ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเศร้ากับการโดนควบคุม ครอบครัวก็จะมีแต่เวลาที่อบอุ่น และมีเวลาทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกันได้มากขึ้น ลองนึกภาพตามเวลาที่ต้องหงุดหงิดกับลูก บางทีทำให้คุณเสียงานเสียการไปทั้งวันได้เลย

การนำคาถา 123 ไปใช้

คุณพ่อคุณแม่สามารถนำคาถา 123 ไปใช้เพื่อการควบคุมพฤติกรรม และการสร้างพฤติกรรม การใช้คาถา 123 ให้ได้ผล คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครองเช่น ปู่ย่า รวมทั้งคุณครู จะต้องมีส่วนร่วม เข้าใจความหมาย แนวคิด และวิธีการนี้ให้เหมือนกันเสียก่อน หลักการง่ายๆ ของคาถา 123 พอจะสรุปได้ตามนี้ครับ

1. การนับ ระยะเวลาควรเป็นอย่างไร ในจุดนี้อาจไม่มีข้อกำหนดชัดเจน ขึ้นกับการรับได้ของคุณพ่อคุณแม่ ว่ารับพฤติกรรมของลูกได้แค่ไหน แต่โดยรวม การนับเพื่อให้หยุดหรือควบคุมพฤติกรรมจะนับสั้นและเร็วกว่าการนับเพื่อส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการ เช่น ถ้าลูกร้องเอาของเล่น พ่อแม่ก็นับได้เร็วหน่อย แต่ถ้าต้องการสอนให้ลูกตื่นนอนและพับผ้า คุณอาจจะใช้เวลานับ 1….2….3… ได้นานขึ้น 

2. เมื่อนับครบสาม แล้วลูกยังไม่หยุดหรือทำสิ่งที่คุณต้องการ จะถึงขั้นตอนของการลงโทษ โดยมาตรฐานคือ การหยุดพัก ในห้องที่จัดเตรียมไว้ (มีความปลอดภัย) หรืออาจเป็นมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน ระยะเวลาที่ผู้เขียนแนะนำคือ ระยะเวลาตามอายุของเด็ก เด็ก 2 ขวบ พัก 2 นาที เด็ก 10 ขวบ พัก 10 นาที ตรงนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก (สำหรับเด็กโต และเด็กที่มีปัญหา จะมีรายละเอียดแนะนำดีมาก แต่สำหรับเด็กเล็ก ไม่ค่อยยากนัก) บางครั้งถ้าเด็กไม่ยอมไปที่ๆเราจัดไว้ให้หยุดพัก คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกเดินออกไปแทนก็ได้เช่นกัน

3. ควรสอนหรืออธิบายอย่างไร ย้อนกลับไปที่หลักคิดว่า การสอนสัตว์เลี้ยง ผู้สอนจะไม่พูดอธิบาย แต่จะใช้วิธีการทำซ้ำ ให้เกิดความจดจำ แต่ถ้าเป็นการตี หรือดุเสียงดังเด็กย่อมจดจำภาพที่ไม่ดีและเป็นผลเสียระยะยาว การนับ 1 2 3 แล้วให้หยุดพัก ทำซ้ำเพียงไม่กี่ครั้ง เด็กก็จำได้แล้วว่า ถ้าคุณพ่อคุณแม่ นับถึง 3 เขาต้องโดนลงโทษด้วยการพัก ลูกผมมักจะรอถึงสอง แต่ระหว่างนั้นก็แอบมองคุณพ่อหรือคุณแม่ว่า ระหว่างนับเอาจริงไหม หรือคุณพ่อนับ 123 แต่ยังนั่นเล่น facebook ลูกก็จะรู้ว่าพ่อไม่ได้จริงจังอะไร ดังนั้น เมื่อคุณเริ่มร่ายมนต์ 123 คุณต้องทำให้เจ้าตัวเล็กรู้ว่า คุณพร้อมเอาจริง พร้อมจะอุ้มเขาออกไป พร้อมจะเก็บของเล่นทุกชิ้นทันที ระหว่างนับ จงเงียบให้สนิท ไม่ต้องสอนอะไรทั้งนั้น ถ้าจำเป็นให้สอน อธิบายแค่ครั้งเดียว ว่าทำไม แต่แนะนำว่าให้เงียบไว้ครับ  ตรงนี้เป็นข้อผิดพลาดที่หลายคนนำไปใช้แล้วไม่ได้ผล อย่าลืมว่าลูกไม่ได้ฟังเหตุผล แต่จะคอยเถียงคุณแทนมากกว่า

4. สำหรับการเริ่มพฤติกรรมที่พึงประสงค์  มีกลวิธี 7 แบบให้เลือกใช้ได้แก่ การชมเชย การขอร้อง การใช้เครื่องจับเวลา การกักบริเวณ การปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ การทำผังตาราง และการนับ แต่การควบคุมพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ แนะนำให้ใช้การนับ เป็นวิธีการที่ดีและเหมาะสมที่สุด

บทสรุปของสรุป การไม่ยอมให้ความร่วมมือของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ไม่ได้เกิดจากการขาดข้อมูล เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็ก หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ดังนั้น การเลี้ยงดูเด็กต้องฝึกฝนเท่าๆ กับให้คำอธิบาย จากประสบการณ์ที่ใช้มา ลูกชายผมอาจจะเป็นเด็กว่าง่ายอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่าได้ผลดีมาก สมแล้วเรียกว่า คาถา 123 เมื่อไปอยู่ภายนอกบ้าน แล้วมีคนเห็นเรานับแบบนี้ ก็เหมือนที่ผู้เขียนเล่าไว้ คนรอบข้างถึงกับงง ว่าทำได้อย่างไร ถ้าอยากรู้วิธีการที่มากกว่านี้ รีบไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านได้เลยครับ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ หมอชาวบ้าน

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการรู้ว่าลูกต้วเองมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร การดูวันเกิด การวิเคราะห์วันเกิด แบบละเอียด ก็สามารถชี้ให้เห็นเรื่องตรงนี้ได้ครับ แนะนำอ่านบทความนี้ครับ  การวิเคราะห์ศักยภาพบุตรจากวันเกิด

READ  อาชีพที่เรียกว่าแม่